คิดจะกลับมาเรียนภาษาเยอรมันอีกครั้ง

ภาษาต่างประเทศลำดับที่สองในช่วงเรียนของฉันคือภาษาเยอรมัน และเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ฉันก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเยอรมนีและภาษาเยอรมันอย่างจริงจังผ่านหลักสูตรเสรีวิชาความเข้าใจวัฒนธรรมเยอรมัน ยิ่งไปกว่านั้น ในชั้นเรียน เมื่ออาจารย์ถามว่า "มีใครอยากอาสาอ่านประโยคภาษาเยอรมันนี้บ้าง!" ฉันก็กล้าที่จะยกมือขึ้นอ่าน และได้รับคำชมจากอาจารย์ว่าอ่านได้ดีกว่านักศึกษาภาควิชาภาษาและวรรณคดีเยอรมันเสียอีก

ถึงแม้ว่าคนเยอรมันที่ฉันได้พบจะดูถูกและเหยียดเชื้อชาติฉัน แต่สำหรับฉันแล้ว เยอรมนีก็ยังคงเป็นประเทศในฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉันชอบฟังเพลงของโยฮันน์ เซบาสเตียน บาค และได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของเขาจากสื่อต่างๆ ดังนั้นฉันจึงยังคงมีความปรารถนาเล็กๆ ที่อยากจะไปเยี่ยมชมโบสถ์เซนต์โทมัสในไลพ์ซิช ซึ่งคนอื่นๆ บอกว่าน่าเบื่อ

ฉันพยายามเรียนภาษาเยอรมันด้วยตนเองทุกวิถีทาง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง แต่ฉันรู้สึกว่าคราวนี้จะต้องสำเร็จหลังจากซื้อหนังสือเหล่านี้

แต่ด้วยความขาดความอดทนของฉัน ฉันจึงเรียนภาษาเยอรมันควบคู่ไปกับสิ่งอื่นๆ ทางออนไลน์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน จนในที่สุดก็สรุปว่าภาษาเยอรมันคงไม่ใช่ภาษาที่เหมาะกับฉันแล้ว จึงได้เลิกเรียนไป และหลังจากนั้นก็มุ่งมั่นกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว

แต่เมื่อวานนี้ฉันได้ดูวิดีโอ YouTube แล้วก็คิดขึ้นมาทันทีว่าจะลองเรียนดูอีกสักครั้ง ถึงแม้ว่าฉันต้องจำแนกคำนามภาษาเยอรมันออกเป็นสามเพศ และคำที่ประกอบกันจะกลายเป็นคำใหม่ที่ยาวมาก ฉันออกเสียง r ไม่ได้เลย และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อได้ยินคนพูดภาษาเยอรมัน ฉันรู้สึกว่ามันไพเราะ แต่ไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เลย แต่ฉันก็รู้สึกว่าถ้าเรียนภาษาเยอรมันให้เก่งแล้วสมองจะทำงานเร็วขึ้น และดูเหมือนว่าคนๆ นั้นจะมีอะไรมากกว่าคนอื่นๆ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันได้คุยกับคนที่รู้จักกับเยอรมนี และเขาเน้นย้ำว่าภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่มีค่าควรแก่การเรียนรู้ และฉันก็เห็นด้วยว่ายิ่งเก่งภาษาอังกฤษก็จะยิ่งเรียนภาษาเยอรมันได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ฉันจึงรู้สึกว่าการเรียนในตอนที่ถ่ายรูปข้างต้นเมื่อสามปีก่อนนั้นง่ายกว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากฉันเก่งภาษาอังกฤษขึ้น

ฉันจะใช้โอกาสนี้ที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษของฉันเพื่อปลุกสมองที่กำลังหลับใหลของฉันและลองเรียนภาษาเยอรมันอีกครั้ง ฉันจะไม่ใช้ Duolingo แต่จะใช้ Copilot ในการค้นหาเว็บไซต์เรียนภาษาออนไลน์ ฉันพบว่าฉันสามารถเรียนภาษาเยอรมันผ่านทาง BBC ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของอังกฤษ เช่นเดียวกับที่ฉันเรียนภาษาญี่ปุ่นจาก NHK World Japan

(รู้สึกว่าสิ่งที่สถานีโทรทัศน์ทำมีความน่าเชื่อถือร้อยเปอร์เซ็นต์)

ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และฉันก็ไม่คาดหวังมากเกินไปเพราะกลัวว่าจะเลิกเรียนอีก ฉันจะเรียนรู้ในขอบเขตที่ไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป ฉันรู้สึกว่าการเรียนภาษาเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่ตัวเลือก แม้แต่เพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อม ยิ่งเรียนภาษาได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถ้าฉันเรียนภาษาเยอรมันได้สำเร็จจริงๆ ฉันก็จะเป็นคนพูดได้สี่ภาษา

ฉันต้องประกาศต่อโลกให้รู้(?) ฉันจึงคิดว่าจะต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น หลังจากที่ได้เขียนความคิดที่ยุ่งเหยิงของฉันลงไปแล้ว ฉันก็รู้สึกโล่งใจและรู้สึกดีขึ้น และแน่นอนว่าทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาเยอรมัน ฉันควรเรียนด้วยภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาเกาหลี เพื่อที่ว่าในอนาคตแม้ว่าฉันจะทำงานด้านการแปลหรือล่าม (ถึงแม้ว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้นก็ตาม) ฉันก็จะสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว

และฉันรู้สึกว่าฉันเหมาะกับสายศิลป์มากกว่า เพราะการเรียนรู้ภาษาสนุกกว่าและเข้าใจง่ายกว่าการเรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ CS50 ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าฉันเพิ่งจะพูดถึงเรื่องนี้ แต่เนื่องจากฉันเรียนสายศิลปะในช่วงเรียน จึงเพิ่งจะแยกแยะได้ในตอนนี้